top of page
ค้นหา

ความแตกต่างระหว่าง ชาเขียว และ มัทฉะ

  • รูปภาพนักเขียน: idavisonbkk
    idavisonbkk
  • 8 ก.ย.
  • ยาว 1 นาที
ree

ความแตกต่างระหว่างชาเขียว (Green Tea) และมัทฉะ (Matcha)

ความหมาย
  • ชาเขียว : ใบชาที่ผ่านกระบวนการแปรรูปและนำมาชงเป็นน้ำ
  • มัทฉะ : ใบชาเขียวที่ถูกนำมาบดเป็นผงละเอียด

การเก็บเกี่ยว
  • ชาเขียว : เก็บเกี่ยวใบชาโดยทั่วไป อาจใช้มือหรือเครื่องจักร
  • มัทฉะ : พิถีพิถันกว่ามาก โดยจะคลุมต้นชาให้พ้นจากแสงแดดก่อนการเก็บเกี่ยวประมาณ 20-30 วัน
    เพื่อให้ใบชาผลิตคลอโรฟิลล์และสารแอล-ธีอะนีน (L-Theanine) สูงขึ้น

กระบวนการผลิต
  • ชาเขียว : นำใบชาที่เก็บมาไปนึ่ง (หรือคั่ว) อบแห้ง และนวดให้ขึ้นรูปเป็นใบชาแห้ง ก่อนนำไปบรรจุ
  • มัทฉะ : หลังจากเก็บเกี่ยว จะนำใบชาไปนึ่งและอบแห้งอย่างรวดเร็ว จากนั้นจะคัดแยกก้านและเส้นใบออก เหลือไว้เพียงใบชาล้วนๆ ที่เรียกว่า "เท็นฉะ" (Tencha) ก่อนนำไปบดด้วยโม่หินจนเป็นผงละเอียด

รสชาติและกลิ่น
  • ชาเขียว : มีรสชาติเบาบางกว่า มีรสฝาด (Astringent) เล็กน้อย กลิ่นหอมสดชื่นคล้ายใบหญ้าอ่อนๆ
  • มัทฉะ : เข้มข้นกว่ามาก มีรสชาติอูมามิ (Umami) ที่เป็นเอกลักษณ์ มีความหวานตามธรรมชาติ และมีความขมเล็กน้อยหากชงไม่ถูกต้อง กลิ่นหอมเข้มข้น

สีของชา
  • ชาเขียว : น้ำชาที่ชงแล้วมีสีเขียวอ่อนถึงเขียวอมเหลือง ค่อนข้างใส
  • มัทฉะ : ผงมีสีเขียวสดใส เมื่อชงแล้วจะได้น้ำชาสีเขียวเข้มข้นและขุ่นกว่า

ราคา
  • ชาเขียว : โดยทั่วไปมีราคาถูกกว่า เนื่องจากขั้นตอนการผลิตไม่ซับซ้อน
  • มัทฉะ : มีราคาสูงกว่ามาก เพราะต้องผ่านกระบวนการเพาะปลูกและผลิตที่พิถีพิถัน
    ใช้เวลาและแรงงานสูง

การใช้งาน
  • ชาเขียว : นิยมนำมาแช่หรือชงเป็นเครื่องดื่มร้อนหรือเย็น
  • มัทฉะ : สามารถนำไปชงดื่มโดยตรง และยังนิยมนำไปเป็นส่วนประกอบในอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ เพราะเป็นผงที่ละลายได้ง่าย

ข้อดีและข้อเสีย
  • ชาเขียว
ข้อดี : ราคาไม่แพง, ดื่มง่าย, เหมาะสำหรับดื่มเป็นประจำ
ข้อเสีย : สารอาหารน้อยกว่ามัทฉะ, ต้องแช่ชาเพื่อชงดื่ม
  • มัทฉะ
ข้อดี : มีสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าชาเขียวทั่วไปมาก, มีแอล-ธีอะนีนช่วยให้ผ่อนคลายและมีสมาธิ
ข้อเสีย : ราคาสูง, มีรสขมหากชงไม่ถูกวิธี, มีคาเฟอีนสูงกว่า

ประโยชน์ต่อสุขภาพ
  • ชาเขียว : มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด
  • มัทฉะ : เนื่องจากเป็นการบริโภคใบชาทั้งใบ จึงได้รับสารอาหารเต็มที่ รวมถึงคลอโรฟิลล์และแอล-ธีอะนีน ซึ่งช่วยเรื่องการผ่อนคลายและเพิ่มสมาธิ

คำแนะนำในการดื่ม
  • ชาเขียว : ควรดื่มชาเขียวร้อนหรือเย็นโดยไม่ปรุงแต่ง เพื่อรับรสชาติที่แท้จริง และควรดื่มหลังมื้ออาหารประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อไม่ให้ไปรบกวนการดูดซึมสารอาหาร
  • มัทฉะ : ควรชงด้วยน้ำอุณหภูมิประมาณ 70-80°C เพื่อไม่ให้ชาขมเกินไป นิยมใช้ไม้ตีชา (Chasen) เพื่อให้ผงละลายเข้ากับน้ำได้ดี และควรดื่มให้หมดในครั้งเดียวเพื่อรับสารอาหารครบถ้วน

การใช้งานอื่นๆ
  • ชาเขียว : นิยมใช้ทำเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวบางชนิด
  • มัทฉะ : ใช้ทำขนมและเครื่องดื่มได้หลากหลาย เช่น เค้กมัทฉะ ไอศกรีมมัทฉะ ลาเต้มัทฉะ หรือแม้แต่ใช้ทำซุปและอาหารคาวบางชนิด

ree

ree

ความแตกต่างด้านองค์ประกอบทางเคมีและผลกระทบต่อร่างกาย
ถึงแม้ว่าทั้งชาเขียวและมัทฉะจะมาจากพืชชนิดเดียวกัน แต่กระบวนการผลิตที่แตกต่างกันส่งผลให้องค์ประกอบทางเคมีต่างกันไปด้วย
  • คลอโรฟิลล์ (Chlorophyll) : มัทฉะมีคลอโรฟิลล์สูงกว่ามาก เนื่องจากขั้นตอนการคลุมใบชาให้พ้นจากแสงแดด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้มัทฉะมีสีเขียวสดและสว่างกว่าชาเขียวทั่วไป คลอโรฟิลล์ยังมีคุณสมบัติช่วยในการล้างสารพิษ (detox) และเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ
  • แอล-ธีอะนีน (L-Theanine) : นี่คือจุดเด่นที่สำคัญของมัทฉะ ใบชาที่ถูกคลุมจะสร้างกรดอะมิโนชนิดนี้ออกมาสูงมาก สารแอล-ธีอะนีนมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความเครียด และเพิ่มสมาธิ เมื่อทำงานร่วมกับคาเฟอีน จะทำให้ผู้ดื่มรู้สึกตื่นตัวแต่สงบ ไม่ได้รู้สึกใจสั่นหรือกระสับกระส่ายเหมือนการดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มคาเฟอีนสูงทั่วไป
  • คาเฟอีน (Caffeine) : มัทฉะมีปริมาณคาเฟอีนสูงกว่าชาเขียวทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะเป็นการบริโภคใบชาทั้งหมด ซึ่งหมายถึงการได้รับคาเฟอีนเต็มๆ ทั้งใบ ในขณะที่การชงชาเขียวแบบใบ จะได้รับคาเฟอีนจากน้ำที่สกัดออกมาเท่านั้น
  • สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) : โดยเฉพาะสารในกลุ่มแคทีชิน (Catechins) ที่ชื่อว่า EGCG (Epigallocatechin gallate) ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระสูงมาก มัทฉะมีปริมาณ EGCG สูงกว่าชาเขียวถึง 3-10 เท่า เพราะเราได้รับสารอาหารจากใบชาทั้งใบ

ความแตกต่างในแง่ของวัฒนธรรมและพิธีกรรม
  • ชาเขียว : การดื่มชาเขียวทั่วไปถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในหลายประเทศแถบเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มักจะชงดื่มง่ายๆ เพื่อดื่มดับกระหายและพักผ่อนในแต่ละวัน
  • มัทฉะ : ในประเทศญี่ปุ่น การดื่มมัทฉะมีความเกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับ พิธีชงชา (Japanese Tea Ceremony) ซึ่งเป็นพิธีกรรมที่เต็มไปด้วยสุนทรียศาสตร์และความสงบ มุ่งเน้นไปที่การรับรู้ถึงความงามของช่วงเวลาปัจจุบัน การชงมัทฉะจึงไม่ใช่แค่การชงเครื่องดื่ม แต่เป็นการปฏิบัติที่ต้องใช้สมาธิและความประณีตในทุกขั้นตอน



ดูรายละเอียดสินค้า สอบถามเพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่

 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page