top of page
ค้นหา

ปัจจัยที่มีผล ต่อรสชาติกาแฟ

  • รูปภาพนักเขียน: idavisonbkk
    idavisonbkk
  • 16 ก.ย.
  • ยาว 1 นาที
ree

รสชาติของกาแฟไม่ได้มาจากแค่เมล็ดกาแฟเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากกระบวนการที่ซับซ้อนในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกจนถึงการชง มีปัจจัยสำคัญมากมายที่มีผลต่อรสชาติของกาแฟ ดังนี้

1. ปัจจัยก่อนการเก็บเกี่ยว (Pre-Harvest Factors)

  • สายพันธุ์ (Variety) : แต่ละสายพันธุ์มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เช่น อาราบิก้ามีรสเปรี้ยวแบบผลไม้และซับซ้อน ในขณะที่โรบัสต้ามีรสขมเข้มและหนักแน่น

  • แหล่งเพาะปลูก (Terroir) : คล้ายกับไวน์ สภาพภูมิอากาศ ความสูงจากระดับน้ำทะเล สภาพดิน และปริมาณน้ำฝน ล้วนส่งผลต่อรสชาติอย่างมาก กาแฟที่ปลูกในที่สูงจะมีรสชาติซับซ้อนและมีกรด (Acidity) ที่สูงกว่า

  • วิธีปลูกและดูแล (Farming Practices) : การใช้ปุ๋ย การให้น้ำ และการดูแลต้นกาแฟอย่างถูกต้อง มีผลต่อความสมบูรณ์ของผลกาแฟ

2. ปัจจัยหลังการเก็บเกี่ยว (Post-Harvest Factors)

  • การเก็บเกี่ยว (Harvesting) : การเก็บเกี่ยวเฉพาะผลกาแฟที่สุกเต็มที่ (สีกาแฟแดงเข้ม) จะให้รสชาติที่ดีที่สุด การเก็บเกี่ยวผลกาแฟที่ยังไม่สุกจะทำให้มีรสชาติเปรี้ยวแบบไม่พึงประสงค์

  • กระบวนการแปรรูป (Processing Method) :
    • แบบแห้ง (Dry/Natural Process): ตากผลกาแฟทั้งลูกให้แห้ง ทำให้กาแฟมีรสหวานและบอดี้ที่หนักแน่น
    • แบบเปียก (Wet/Washed Process): นำผลกาแฟไปล้างและนำเปลือกออกก่อนนำไปหมักและตาก ทำให้กาแฟมีรสชาติที่สะอาด ซับซ้อน และมี Acidity สูง
    • แบบกึ่งแห้ง (Semi-Washed/Honey Process): นำเปลือกกาแฟออกบางส่วนแล้วตากทั้งยังมีเนื้อเมือกติดอยู่ ทำให้ได้รสชาติที่อยู่กึ่งกลางระหว่างแบบแห้งและแบบเปียก

  • การคัดแยก (Sorting): การคัดแยกเมล็ดที่ไม่ได้คุณภาพออกจะช่วยให้กาแฟที่ได้มีรสชาติที่สม่ำเสมอและสะอาด

3. ปัจจัยระหว่างการคั่ว (Roasting Factors)

  • ระดับการคั่ว (Roast Level) :
    • คั่วอ่อน (Light Roast): รสชาติเปรี้ยว (Acidity) ชัดเจน รสชาติซับซ้อน กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ของแหล่งปลูก
    • คั่วกลาง (Medium Roast): รสชาติสมดุลระหว่างความเปรี้ยวและความขม มีกลิ่นหอมของคาราเมลและถั่ว
    • คั่วเข้ม (Dark Roast): รสชาติขมเข้ม มีกลิ่นไหม้และน้ำมันที่ผิวเมล็ด รสชาติของแหล่งปลูกจะถูกกลบไป

  • โปรไฟล์การคั่ว (Roast Profile) : การควบคุมอุณหภูมิและเวลาในการคั่วอย่างละเอียด จะส่งผลต่อการพัฒนารสชาติของกาแฟ

4. ปัจจัยระหว่างการชง (Brewing Factors)

  • ความสดของกาแฟ (Freshness) : กาแฟที่บดแล้วจะสูญเสียกลิ่นและรสชาติไปอย่างรวดเร็ว ควรบดกาแฟก่อนชงทุกครั้ง

  • ขนาดการบด (Grind Size) :
    • บดละเอียดเกินไป: กาแฟจะถูกสกัดมากเกินไป ทำให้มีรสขมและฝาด
    • บดหยาบเกินไป: กาแฟจะถูกสกัดน้อยเกินไป ทำให้มีรสเปรี้ยวจางๆ และไม่เข้มข้น
    • ขนาดที่เหมาะสม: ขึ้นอยู่กับวิธีการชง เช่น เอสเพรสโซ่ต้องบดละเอียด, ดริปต้องบดขนาดกลาง, และเฟรนช์เพรสต้องบดหยาบ

  • อุณหภูมิน้ำ (Water Temperature) :
    • น้ำร้อนเกินไป: จะทำให้กาแฟมีรสขม
    • น้ำเย็นเกินไป: จะสกัดรสชาติได้ไม่เต็มที่ ทำให้กาแฟมีรสเปรี้ยวจืด
    • อุณหภูมิที่เหมาะสม: ประมาณ 90-96 องศาเซลเซียส

  • อัตราส่วนกาแฟต่อน้ำ (Coffee-to-Water Ratio) : การใช้ปริมาณกาแฟและน้ำที่เหมาะสมจะส่งผลต่อความเข้มข้นและรสชาติที่สมดุล

  • คุณภาพของน้ำ (Water Quality) : น้ำที่มีคุณภาพดีและมีแร่ธาตุที่เหมาะสมจะช่วยดึงรสชาติของกาแฟออกมาได้ดีที่สุด

  • เวลาในการสกัด (Extraction Time) : การปล่อยให้น้ำไหลผ่านกาแฟนานเกินไปจะทำให้กาแฟมีรสขมและฝาด ในขณะที่สั้นเกินไปจะทำให้กาแฟมีรสเปรี้ยวและไม่เข้มข้น

  • เทคนิคการชง (Brewing Technique) : วิธีการเทน้ำ ความเร็วในการเท และการคนกาแฟ ล้วนมีผลต่อผลลัพธ์สุดท้าย

การทำความเข้าใจปัจจัยทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมและปรับปรุงรสชาติของกาแฟได้อย่างมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อเมล็ดกาแฟ การบด หรือการชงในแต่ละวัน
 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page