เครื่องชงกาแฟ 1 หัว กับ 2 หัวเลือกแบบไหนดี ?
- idavisonbkk
- 16 ก.ย.
- ยาว 1 นาที

เครื่องชงกาแฟ 1 หัว กับ 2 หัวเลือกแบบไหนดี ?
การเลือกเครื่องชงกาแฟสำหรับเปิดร้านเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องจำนวนหัวชง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่มีผลต่อการทำงานและประสิทธิภาพของร้านโดยตรง
ความแตกต่างระหว่างเครื่องชงกาแฟ 1 หัวชง กับ 2 หัวชง
ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือ จำนวนหัวชง (Grouphead) ที่ใช้สกัดกาแฟ โดยแต่ละหัวชงจะทำหน้าที่สกัดกาแฟ 1 ช็อต (Single Shot) หรือ 2 ช็อต (Double Shot) ได้ในแต่ละครั้ง
เครื่องชง 1 หัวชง : มีหัวชงเพียงหัวเดียว ทำให้สามารถสกัดกาแฟได้ทีละ 1-2 แก้วต่อรอบการสกัด
เครื่องชง 2 หัวชง : มีหัวชง 2 หัว ทำให้สามารถสกัดกาแฟได้พร้อมกัน 2-4 แก้วต่อรอบการสกัด หรือสกัดกาแฟ 2 แก้ว และสตรีมนม 1 แก้วไปพร้อมๆ กันได้
นอกจากนี้ยังมีความแตกต่างในเรื่องของ ระบบหม้อต้ม (Boiler) และ ขนาด ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมาก
เครื่องชง 1 หัวชง : ส่วนใหญ่มีหม้อต้มขนาดเล็กถึงกลาง เหมาะกับการชงต่อเนื่องไม่มากนัก
เครื่องชง 2 หัวชง : มักจะมาพร้อมกับระบบหม้อต้มที่ใหญ่กว่า หรืออาจมีหลายหม้อต้ม (Multi Boiler) ซึ่งช่วยให้การสกัดกาแฟและสตรีมนมมีความเสถียรมากขึ้น แม้จะใช้งานหนักและต่อเนื่อง
ข้อดี และ ข้อเสีย สำหรับเครื่องชง 1 หัวชง
ข้อดี
ราคาถูกกว่า : เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่มีงบประมาณจำกัด
ขนาดกะทัดรัด : ประหยัดพื้นที่บนเคาน์เตอร์
ประหยัดพลังงาน : ใช้ไฟน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเครื่อง 2 หัวชง
ข้อเสีย
ความเร็วจำกัด : ไม่เหมาะกับร้านที่มีลูกค้าเยอะในช่วงเวลาเร่งด่วน
ประสิทธิภาพลดลง : เมื่อชงต่อเนื่องเป็นเวลานาน อุณหภูมิและความดันอาจไม่คงที่ ส่งผลต่อรสชาติกาแฟ
ข้อดี และ ข้อเสีย สำหรับเครื่องชง 2 หัวชง
ข้อดี
ความเร็วสูง : ชงกาแฟได้พร้อมกันหลายแก้วในเวลาเดียวกัน
รองรับยอดขายสูง : เหมาะสำหรับช่วงเวลาเร่งด่วน (Peak Hour)
ความเสถียรสูง : ระบบหม้อต้มใหญ่ ทำให้ควบคุมอุณหภูมิและความดันได้ดีกว่าเมื่อใช้งานต่อเนื่อง
ข้อเสีย
ราคาสูง : มีราคาเริ่มต้นที่สูงกว่ามาก
ขนาดใหญ่ : กินพื้นที่บนเคาน์เตอร์มากกว่า
กินไฟมากกว่า : ใช้พลังงานในการทำความร้อนสูงกว่า
จะเปิดร้านกาแฟ ควรเลือกแบบไหนดี ?
การตัดสินใจว่าจะเลือกเครื่องชงแบบไหนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ดังนี้
ทำเลที่ตั้งและกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย :
ร้านเล็กๆ หรือในพื้นที่ที่มีคนไม่พลุกพล่าน : หากคาดว่ายอดขายต่อวันไม่สูงมาก เช่น ต่ำกว่า 100 แก้วต่อวัน เครื่องชง 1 หัวชงก็เพียงพอและคุ้มค่ากับการลงทุน
ร้านในทำเลทอง หรือย่านธุรกิจ : หากมีแนวโน้มว่าจะมีลูกค้าจำนวนมากในช่วงเวลาเร่งด่วน (เช่น ช่วงเช้าหรือพักเที่ยง) การเลือกเครื่องชง 2 หัวชงจะช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการบริการและรองรับยอดขายที่สูงขึ้นได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะทำงานหนักเกินไปจนส่งผลต่อรสชาติ
งบประมาณ :
งบจำกัด : หากมีงบประมาณเริ่มต้นน้อย เครื่อง 1 หัวชงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะมีราคาถูกกว่ามาก
งบถึง : หากมีงบประมาณเพียงพอ การลงทุนกับเครื่อง 2 หัวชงตั้งแต่แรกจะคุ้มค่าในระยะยาว เพราะสามารถรองรับการเติบโตของร้านได้
เมนูที่ให้บริการ :
เมนูเน้นกาแฟร้อน : เครื่อง 1 หัวชงก็เพียงพอ
เมนูหลากหลาย มีทั้งกาแฟร้อนและเย็น และมีเมนูที่ต้องสตรีมนมจำนวนมาก : เครื่อง 2 หัวชงจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า เพราะสามารถสกัดกาแฟและสตรีมนมไปพร้อมๆ กันได้
สรุปคำแนะนำ :
หากเป็นร้านขนาดเล็ก มีงบประมาณจำกัด และคาดว่ายอดขายไม่สูงมาก (ไม่เกิน 50-70 แก้ว/วัน) ให้เริ่มต้นด้วยเครื่องชง 1 หัวชง
หากมีทำเลที่ดี คาดว่าจะมีลูกค้าจำนวนมาก และมีแผนที่จะขยายร้านในอนาคต การลงทุนกับเครื่องชง 2 หัวชงตั้งแต่แรกเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว
นอกจากจำนวนหัวชงแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรพิจารณาควบคู่กันไปคือ คุณภาพของเครื่องบดกาแฟ เพราะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่มีผลต่อรสชาติของกาแฟไม่แพ้เครื่องชงเลยทีเดียว
ดูรายละเอียดและโปรโมชั่นเครื่องชงกาแฟเพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่
ความคิดเห็น