เครื่องบดกาแฟ Single Dose VS On Demand ต่างกันอย่างไร ?
- idavisonbkk
- 19 ก.ย.
- ยาว 1 นาที

ความแตกต่างระหว่าง เครื่องบดกาแฟแบบ Single Dose กับ เครื่องบดกาแฟแบบ On Demand
เครื่องบดกาแฟแบบ Single Dose
ลักษณะและการใช้งาน
ใส่เมล็ดทีละโดส (เช่น 18–20 กรัมต่อช็อต) แล้วบดจนหมด
ไม่มีโถพักเมล็ดด้านบน (hopper) หรือมีขนาดเล็กมาก
เน้นการบด “ตามออเดอร์” ทีละช็อต เพื่อความแม่นยำของรสชาติ
เหมาะมากสำหรับร้านที่เปลี่ยนเมล็ดบ่อย เช่น ร้านสเปเชียลตี้ หรือสาย slow bar
ข้อดี
ความสดสูงสุด ไม่มีเมล็ดค้างในโถ
เปลี่ยนเมล็ดได้ง่ายในแต่ละช็อต (เหมาะกับกาแฟหลาย origin)
ควบคุม dose ได้แม่นยำมาก
ลดการสูญเสียเมล็ดกาแฟ (waste)
ข้อเสีย
ความเร็วช้ากว่า on demand เมื่อมีลูกค้าเยอะ
ต้องชั่งเมล็ดเองทุกช็อต เพิ่มขั้นตอนในการทำงาน
ไม่เหมาะกับการชงต่อเนื่องจำนวนมาก
ราคาโดยประมาณ
เริ่มที่ประมาณ 20,000–60,000+ บาท
มักเป็นเครื่องระดับกลาง–สูง
เหมาะกับร้านประเภท
ร้านกาแฟสเปเชียลตี้
ร้านที่ต้องการโชว์ origin หลากหลาย
ร้านที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

เครื่องบดกาแฟแบบ On Demand
ลักษณะและการใช้งาน
ใส่เมล็ดไว้ในโถ (hopper) และบดตามปริมาณที่ตั้งไว้โดยอัตโนมัติ
กดปุ่มแล้วเครื่องจะจ่ายผงกาแฟตามเวลาที่ตั้งไว้ (time-based dosing) หรือชั่งน้ำหนักอัตโนมัติในบางรุ่น (weight-based dosing)
ทำงานรวดเร็วและสะดวกมากในการเสิร์ฟต่อเนื่อง
ข้อดี
ความเร็วสูง เหมาะกับร้านที่มีลูกค้าต่อเนื่องตลอดวัน
ไม่ต้องชั่งเมล็ดเองทุกครั้ง ประหยัดเวลา
ทำงานง่าย บาริสต้าคนเดียวรับลูกค้าได้หลายคิว
ข้อเสีย
มีผงกาแฟค้างในช่องบด (retention) ทำให้กาแฟไม่สดเท่า single dose
เปลี่ยนเมล็ดยาก ต้องเทของเก่าออก
อาจต้องเททิ้งผงเก่าก่อนเริ่มวันเพื่อความสดใหม่
ราคาโดยประมาณ
เริ่มที่ประมาณ 15,000–100,000+ บาท
มีหลายระดับตั้งแต่ร้านเล็กถึงร้านใหญ่
เหมาะกับร้านประเภท
ร้านกาแฟเชิงพาณิชย์ที่เน้นความเร็ว
ร้านที่มีเมล็ดหลักเพียง 1–2 ตัว
ร้านที่มีลูกค้าต่อเนื่องทั้งวัน


สรุป
ถ้าร้าน ลูกค้าเยอะ ขายเมนูนมเป็นหลัก ต้องการความเร็วและเสิร์ฟต่อเนื่อง
→ เลือกเครื่องบดแบบ On Demand จะช่วยให้ทำงานได้เร็วและเสถียร
ถ้าร้าน เน้นขายกาแฟพิเศษ เปลี่ยนเมล็ดบ่อย หรือโชว์ origin หลากหลาย
→ เลือกเครื่องบดแบบ Single Dose เพื่อความแม่นยำและคุณภาพรสชาติสูงสุด
ความคิดเห็น